7 วิธีสอนลูกให้เชื่อฟังบิดามารดาและไม่ต่อต้านเมื่อลูกเริ่มโต

[kaidee20]

ยิ่งลูกโตขึ้น การที่เราจะหวังลูกให้เป็นเด็ กเชื่อฟังสอนง่าย เกิดเรื่องย ากมากมาย เพราะเหตุว่าลูกเริ่ม

มีความคิดเป็นของตนเอง บางโอกาสก็สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า


บางครั้งบางคราวลูกก็ไม่อย ากคุย ไม่อย ากทำในสิ่งที่บิดามารดาต้องการสักเท่าไรนัก


ด้วยเหตุนั้นก็เลยใช้ขั้นตอนการทำหูทวนลม เฉยเมยต่อคำบอกเล่าของพ่อแม่ และมันบางทีอาจนำมาสู่ การมีปัญหากันได้

1. หาว่าอะไร ที่ทำให้เขาไม่เชื่อฟัง

ถ้าหากลูกเป็นเด็ กที่ไม่เชื่อฟัง บางคราวอาจเป็นเพราะเนื่องจากกำลังโก รธ เศร้าใจ

หรือต้องการให้พ่อแม่เอาใจ สิ่งที่ควรจะทำหมายถึงพูดคุยรวมทั้ง หาคำตอบ ว่าเพราะเหตุใดเพราะอะไร

ลูกไม่เชื่อฟังและก็บอ กรักลูกให้ลูกไว้ว่า มีบิดามารดาอยู่ด้านข้างเสมอนะ

แล้วก็ดังนี้พึงสังเกตทัศนคติวิธีคิดด้วย รวมทั้งการพูดของลูก ก็เพื่อจะรู้เรื่องลูกมากยิ่งขึ้นด้วยนั่นเอง

2. สอนด้วยการ ใช้เคล็ดลับแบบเข้าใจง่ายๆ

ด้วยเหตุว่าเด็ กอาจจะยังแบบว่า ฟังประโยคย าวๆพร้อมไม่รู้เรื่อง สิ่งที่ควรจะทำนั้นคือ

ใช้เคล็ดวิธีสอนเขา ให้จำง่ายขึ้น ดังเช่นว่า มีมือเอาไว้ช่วย ไม่ใช่เพื่อเอาไว้ติเตียน หรือ กล่าวให้ตื่นเต้น


เช่น วันนี้ทำอะไรที่สถานที่เรียนบ้ าง หลี กเลี่ ยงคำว่า ไม่ หรือ ห้าม เนื่องจากทำให้ลูก


ไม่อย ากทำต าม ได้แก่ ห้ ามดื้อ ก็ควรเปลี่ยนเป็น แม่ชอบลูก ตอนที่เชื่อฟังแม่ที่สุดเลยคะ

นอกเหนือจากนั้น บิดามารดาบางทีอาจเปลี่ยนมาใช้การให้ค่ะแน น เพื่อลูกมีเป้าหมาย สำหรับเพื่อการเชื่อฟังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็ได้นะ

3. สอนด้วยคำกล่าว สายตาที่ความรัก

เมื่อไรที่ลูกทำผิด คุณอาจจะทนไม่ไหวที่จะตะคอ กลูก จากคำบอกเล่าแร งๆของคุณ

ทั้งไม่สนใจฟังในสิ่งที่ลูกอย ากอธิบายด้วย รวมทั้งการขึ้นเสียง การตะคอ กนั้นมันอาจก่อให้

ลูกสงบลงได้ก็จริงนะ แต่ทว่าในอนาคต ลูกก็จะทำอีกอยู่ดี ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ควรทำหมายถึงเริ่มจากดึงความพึงพอใจ

ลูกด้วยการ เรียกชื่อลูกใช้คำพูดง่ายๆให้ลูกทบทวนในสิ่งที่ทำ ใช้น้ำเสียงที่หนักแน่น แต่ว่าไม่ดุดัน

ให้คุณลองเปลี่ยนแปลง เป็นบอ กทางป้องกั น ขจัดปัญหาจะดีมากยิ่งกว่านะ นอ กจากคำกล่าวกับน้ำเสียงแล้ว

ภาษากาย ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกรับฟังมากขึ้นเรื่อยๆ บอกกับเขาดีๆกล่าวด้วยสายตาที่ความรัก แล้วคุณจะเข้าดวงใจลูกมากขึ้น

4.ฟังสิ่งที่ ลูกจะบอก

เนื่องจากว่าบางครั้งบางคราว สิ่งที่พ่อแม่คิด มันก็มิได้ถูกเสมอไปหรอกนะ ด้วยเหตุว่าเด็ กแต่ละคน

พวกเขาก็มีความคิดเป็นของตนเอง และสิ่งที่ควรทำเป็นถามให้รู้ว่าลูกคิดอะไรทำไปเพื่ออะไร


และมีอะไรอยู่ในใจ หลังจากนั้นจงตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกกล่าว เพื่อช่วยทำให้ลูกผ่อ นคล า ยความไม่สาบายใจได้

5. สอนด้วย การมีข้อตกลง ระหว่างกัน

ทว่านะเด็ กทุกคน ก็มีอะไรที่ถูกใจ ที่รังเกียจของตนเช่นเดียวกันนะ รวมทั้งบ่อยครั้ง ที่คุณให้ลูก

ทำสิ่งที่เกลียด นานจนลูกเริ่มไม่เชื่อฟัง และสิ่งที่ควรทำนั้น คือ เด็ กวัย 2-3 ขวบ เป็นวัยแห่งการต่ อต้ าน

เพราะฉะนั้น ทดลองให้ข้อแนะนำ เพื่อเป็นกติการ่วมกันมองสิ เพื่อลดการคัดค้านหรือการเชิญสมุทร า ะลงได้

6. สอนลูก จากการเป็นแบบอย่ าง

ในช่วงวัยเด็ ก เขามักจะลอ กเลียนแบบ พฤติก ร ร มของคนสนิท

และไม่สามารถแบ่งแยกได้ ว่าอะไรไม่ควร อะไรควร มันก็เลยทำให้บ่อยมากลูกเผลอเลียน พฤติก ร ร ม

ที่มันไม่ดีของคนแก่ เมื่อถูกต่อว่ารวมทั้งต่อว่าลูกก็เลยไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุไรบิดามารดายังทำเป็นเลยล่ะ

และก็วิธีการทำให้ลูกเกิดความข้องใจ และก็บิดามารดาไม่อธิบายนั้น มันก็เป็นสาเหตุ

ที่ทำให้ลูกเริ่มไม่เชื่อฟังพ่อแม่ แล้วก็สิ่งที่ควรทำนั้นหมายถึงลูกเรียนรู้จาก

ความประพฤติได้ดีมากยิ่งกว่าคำบอกเล่า เพราะเหตุว่าถ้าอย่างนั้น พ่อกับแม่จะต้องเป็นตัวอย่ างให้ลูกมองเห็น ว่าอะไรทำได้ อะไรไม่สมควรที่จะทำ

7. สอนลูก ใช้สมอง ไขปัญหาด้วยตัวเองได้

เนื่องจากว่าประโยคคำบัญชานั้น มันก็ทำให้ลูกคิดว่า ตัวเองไม่ได้การเอาซะเลยจ้ะ

ทำอะไรก็ไม่ดี ทั้งนี้มันก็ส่งผลต่อให้ลูกปราศจากความเชื่อมั่นในตัวเองซะงั้น ทั้งอาจกลายเป็นคนยังคลุมเคลือไปเลย

ไม่กล้าที่จะคิดริเริ่มอะไรใหม่ๆสิ่งที่ควรจะทำนั้นหมายถึงจำต้องฝึกหัดให้ลูกใช้สมองรวมทั้งแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง

ตัวอย่างเช่น ไหนลูกทดลองคิดสิว่าจะเอาตุ๊กต าตัวนี้ ไปเก็บไว้ไหนดีนะ รวมทั้งนอกเหนือจากนี้ควรหา

ธุระก ร ร มสนุกๆทำร่วมกันกับลูกเมื่อคุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่ เห็นลูกทำไม่ถูกต้อง


จะได้สอนลูกให้คิดจัดการกับปัญหา แทรกเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมไปได้ด้วย โตมาเขาจะได้เป็นคนมีคุณภาพ
เทคนิค
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/12945/